วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำสาปเลือด ของเจ้าหญิงมัสสุหรี แห่งลังกาวี

ก่อนเสียชีวิตพระนางอธิษฐานว่า หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน แต่คมกริชประหารกลับไม่ระคายผิวนางเลย พระนางมัสซูรี จึงบอกกับเพชฌฆาตให้กลับไปนำกริชพิเศษของต้นตระกูลจากบ้านของนางมา ขณะที่คมกริชจดลงไปบนคอของนาง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นข้างบนราวกับเป็นร่ม โดยไม่ตกลงบนพื้นดินเลย
ลังกาวี เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวมาเลย์ ก็เพราะตำนานที่เล่าขานกันมา  ถึงเจ้าหญิงชายารัชทายาท ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วนามว่ามัสซูรี   
 
  ตามตำนานเล่าว่า พระนางมัสซูรี เป็นหญิงสาวชาวภูเก็ต ที่อนุชาองค์สุลต่านแห่งลังกาวี ทรงเลือกเป็นคู่ครอง เนื่องจากพระนางเป็นหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อมทั้งงานบ้านงานเรือนและความ สวยงาม ทั้ง ๆ ที่ทางราชวงศ์ได้คัดเลือกหญิงสาวชาวลังกาวหลายคนให้พระอนุชาเลือก แต่ก็ไม่ถูกใจ กลับมาถูกใจสาวไทยชาวภูเก็ต พระนางมัสซูรี มาอยู่กับพระอนุชาของสุลต่านในฐานะพระชายาองค์รอง แต่ด้วยเหตุที่พระชายาองค์ใหญ่ ซึ่งมีฐานะเป็นปะไหมสุหรีมีบุตรเป็นหญิง
                                                                                     บ่อน้ำอาถรรพ์ ที่บ้านของพระนางมัสสุหรีบ่อน้ำ ที่ไม่มีวันแห้ง

ส่วนพระนางมัตซูรีมี บุตรเป็นชาย ตามกฎของสำนัก พระชายาที่มีบุตรเป็นชายจะได้รับตำแหน่งปะไหมสุหรี ทำให้ชาวลังกาวีที่เป็นพระญาติของปะไหมสุหรีองค์เดิมเก็บความอิจฉาไว้ลึก ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้เกิดสงคราม มีเหตุให้พระอนุชาขององค์สุลต่าน ซึ่งเป็นพระสวามีของพระนางมัสซูรี ต้องเดินทางออกรบกับกองทัพไทยที่บุกมา ดังนั้นเป็นโอกาสของผู้ที่ปองร้าย ต่างหาเรื่องสร้างสถานการณ์ว่าพระนางมัสซูรีมีชู้ ทำให้องค์สุลต่าน ตัดสินประหารชีวิตพระนางด้วยกริช

    โดยที่พระอนุชา สวามีของนางไม่อาจกลับมาช่วยเหลือได้ทัน ก่อนเสียชีวิตพระนางอธิษฐานว่า หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน แต่คมกริชประหารกลับไม่ระคายผิวนางเลย พระนางมัสซูรี จึงบอกกับเพชฌฆาตให้กลับไปนำกริชพิเศษของต้นตระกูลจากบ้านของนางมา ขณะที่คมกริชจดลงไปบนคอของนาง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นข้างบนราวกับเป็นร่ม โดยไม่ตกลงบนพื้นดินเลย

องค์ สุลต่านเองก็ช่วยชีวิตพระนางไม่ได้ เพราะพระนางเสียเลือดมากแล้ว ด้านพี่ชายของพระนางมัสซูรีเกรงว่า หลานชายวัย 5 เดือน ทายาทคนเดียวของมัสซูรีจะมีภัย จึงนำลงเรือล่องมายังเกาะภูเก็ตและเริ่มตั้งรกรากที่นี่ โอรสของพระนางมัสซูรีเติบโตขึ้นมีนามว่า โต๊ะวัน นับเป็นทายาทรุ่นที่ 1 และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเกาะลังกาวีก็เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุขในมนต์ตราแห่งการสาปแช่ง มาจนถึง 7 ชั่วคน จนกระทั่งมาถึง น.ส.สิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสซูรี เวลา 200 กว่าปี หรือ 7 ชั่วคนนั้นได้ผ่านไปแล้ว นับจากนี้ไปจะเป็นยุครุ่งโรจน์โชติชัชวาลของลังกาวีอีกครั้งหนึ่ง.....
รูปนี้เป็นรูปพระนางมัสสุหรี หรือพระนางเลือดขาวแต่ว่าเป็นภาพที่จินตนาการขึ้น
ส่วนนี่เป็นรูปของ ศิรินทรา ยายี หรือเมย์ ทายาทรุ่นที่เจ็ดของพระนางมัสสุหรี

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 ธันวาคม 2554 เวลา 03:10

    ทายาทของเจ้าหญิงมัสสุหรี
    สวยวะ.......

    ตอบลบ
  2. อัศจรรย์ ตกลงเจ้าหญิงเป็นคนไทยเชื้อสายอิศลามใช่ไหม ??

    ตอบลบ